สำหรับเคล็ดลับจัดระเบียบตู้เย็น เพื่อให้ความเย็นกระจายได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญเพื่อให้ประหยัดไฟ มีด้วยกันดังนี้
– รักษาระดับอุณภูมิในตู้เย็นไม่ควรสูงกว่า 40 องศาฟาเรนไฮต์ ควรจะอยู่ประมาณ 36-38 องศาฟาเรนไฮต์ เพราะเป็นอุณหภูมิที่เย็นพอจะรักษาและยืดอายุอาหารให้อยู่ได้นานขึ้น ไม่เน่าเสียก่อนเวลาที่ควร
– จัดวางของตามโซนที่เหมาะสม ควรแช่ของให้ถูกโซนความเย็นด้วย อาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรืออาหารที่เน่าเสียง่ายควรจะแช่ในช่องใต้ช่องแช่แข็ง
– แช่อาหารเพื่อสุขภาพให้เห็นชัด ๆ เพราะจะช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้มากขึ้น ฉะนั้นควรจัดวางอาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาหารที่มีประโยชน์ไว้ในตำแหน่งที่สังเกตเห็นได้ง่าย
– ของเก่าเอาไว้ด้านหน้า ได้แก่อาหารที่ใกล้หมดอายุก็ควรนำมาวางไว้ในส่วนหน้าของตู้เย็นด้วย เพื่อให้นึกถึงและนำออกมารับประทานก่อนที่มันจะเสียไป
– แยกประเภทอาหารเป็นสัดส่วน เช่น เนื้อสัตว์ก็เก็บแยกไว้ในกล่องหนึ่ง ผักก็ใส่อีกกล่อง ผลไม้ก็แยกไว้ นมกล่อง หรือน้ำผลไม้ก็ใส่ในกล่องเล็ก ๆ เพียงเท่านี้ก็หมดกังวลเรื่องคราบอาหารเปอะเปื้อนในตู้เย็นแล้วล่ะ
– แพ็กเป็นชุด เพื่อประหยัดพื้นที่ในตู้เย็นให้จัดเก็บของได้มากขึ้น อีกทั้งเวลาจะหยิบมารับประทานก็เพิ่มความสะดวกได้ไม่น้อยเลยนะ
– ติดป้ายกันสับสน โดยใช้โพสต์อิทมาเขียนชนิดอาหาร แล้วแปะติดหน้ากล่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการหยิบอาหารมารับประทาน วิธีนี้จะช่วยให้ประหยัดเวลามากขึ้นอีกด้วย
– อย่าแช่ของในตู้เย็นมากเกินไป เพราะความเย็นจะได้กระจายได้อย่างทั่วถึง ถ้าของในตู้เย็นมีเยอะมากจริง ๆ ก็ต้องจัดระเบียบให้พอมีช่องว่างให้อากาศไหลเวียนได้
– รองกันกระแทก จะได้ช่วยลดการกระแทกเสียดสีระหว่างผักผลไม้กับพลาสติกได้
– อย่าแช่ขวดน้ำในแนวนอน เพราะฝาขวดอาจมีโอกาสเปิดออกหรือฝาอาจหลวมได้ ทำให้ออกซิเจนผ่านเข้าไปในขวด ทำให้เครื่องดื่มเน่าเสียได้
– เก็บผักผลไม้ในถุงสุญญากาศ จะมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น แถมยังคงความสดใหม่ได้เกือบครบถ้วน ดังนั้นหากอยากเก็บรักษาผักผลไม้ให้สดใหม่ได้นาน ๆ ก็หาซื้อถุงซีลสุญญากาศมาไว้ใช้เก็บผักและผลไม้ไว้
– ป้องกันกลิ่นเหม็น โดยนำผงเบกกิ้งโซดาใส่ขวดขนาดเล็ก เปิดฝาและนำไปแช่ด้านในสุดของตู้เย็น หรือซื้อถ่านดูดกลิ่นที่มีขายอยู่ทั่วไปในตลาด มาใส่ในตู้เย็น
– ล้างตู้เย็นอยู่เสมอ เพื่อป้องกันอาหารเน่าเสียคาตู้ จนเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค
ดังนั้น ตู้เย็นเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นสำคัญภายในบ้าน ที่ต้องเสียบปลั๊กให้ทำงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เก็บรักษาอาหารให้อยู่ได้นาน ๆ และมีความสดใหม่ ดังนั้นอย่าลืมทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ เพื่อให้อาหารที่อยู่ในตู้เย็นจะได้สดใหม่ และที่สำคัญเพื่อประหยัดไฟในบ้านด้วย